บริษัทคลินิคจิต-ประสาท |
|
คำถาม คุณแม่มีลูกชายอายุ 9 ขวบ ไม่มีระเบียบ ดื้อ หรือเฉื่อย ตอบคุณแม่ คุณแม่มีปัญหาเรื่องลูก อายุ 9 ขวบ ไม่ทำตามที่บอก ไม่มีระเบียบวินัย ลองใช้หลายวิธีแล้วไม่ได้ผล จะทำอย่างไรดี คุณแม่ยังสงสัยด้วยว่าลูกดื้อหรือเฉื่อยกันแน่ อาการดื้อกับเฉื่อยอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือไม่ร่วมมือ ไม่ทำตามที่พ่อแม่ต้องการ ส่วนใหญ่เกิดจากการฝึกนิสัยที่ไม่ถูกต้องมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะตั้งแต่ 2-3 ขวบเป็นต้นมา ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มต้นฝึกระเบียบวินัย เด็กต้องการแสดงออกอยากรู้อยากเห็น ถ้าได้เล่นอย่างพอเหมาะสมก็จะมีลักษณะใฝ่รู้ไม่เฉื่อยชา แต่การเรียนรู้ของเขาต้องมีกฏเกณฑ์พอสมควร กฏเกณฑ์ที่เข้มงวดเกินไปอาจทำให้เด็กขาดความกระตือรือล้นที่จะเรียนรู้ กลายเป็นเด็กเฉื่อยได้ หรือการช่วยเหลือเด็กมากจนเกินไปก็อาจทำให้เด็กเฉื่อยชาได้เช่นกัน นอกจากนี้อาจทำให้เด็กไม่มีระเบียบวินัย เป็นเด็กดื้อได้อีก เพราะฉะนั้นการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้องมาตั้งแต่วัยเตาะแตะทำให้เป็นปัญหาในวัยต่อมาได้มาก แต่ถ้าเดิมพ่อแม่ฝึกมาดีแล้ว เป็นเด็กมีระเบียบวินัยไม่เฉื่อยชา แล้วมาเปลี่ยนแปลงตอนหลัง แสดงว่าอาจมีปัญหาบางอย่างรบกวนจิตใจอารมณ์เด็ก หรืออาจเป็นลักษณะเด็กที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นก็ได้ เขาอาจมีลักษณะดื้อกว่าเดิม แล้วพ่อแม่อาจปรับตัวตรงนี้ ไม่ได้ กลายเป็นปัญหาอารมณ์ต่อกันแล้วเด็กก็จะไม่ร่วมมือ แบบนี้ต้องแก้ไขให้ตรงจุด ส่วนใหญ่ต้องแก้ไขโดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพ่อแม่ก่อน เด็กจึงจะเปลี่ยนแปลง วิธีการใดที่ผู้ใหญ่ใช้แล้วไม่ได้ผล ก็ควรหยุด และแสวงหาวิธีใหม่ๆ มาลองใช้ และประเมินผลดูเป็นระยะๆว่าได้ผลจริงๆ หรือไม่ ในขณะเดียวกัน ลองประเมินตนเองดูด้วยว่า วิธีการใดที่เราใช้ไม่ได้ผลเพราะอะไร ควรจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร ปัญหาที่พบบ่อยๆ เวลาผู้ใหญ่สั่งให้เด็กทำอะไรแล้วเด็กไม่ทำอาจเกิดจากสาเหตุดังนี้ 1. ผู้ใหญ่สั่งโดยใช้อำนาจ เด็กอาจทำตามเพราะความกลัว ใช้ได้ผลในเด็กเล็ก พอเด็กโตหรือเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแล้วจะรู้สึกไม่พอใจ และต่อต้านอาจแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมดื้อเงียบๆ คือไม่ทำ แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ หรืออาจแสดงออกมาตรงๆ เช่น โกรธ ก้าวร้าว ต่อต้าน เป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ให้เห็นชัดๆก็ได้ ทางแก้ไขคือ การขอร้องให้เด็กทำโดยความนุ่มนวล อ่อนโยน ให้เด็กเกิดความรู้สึก อยากทำ มากกว่า ต้องทำ วิธีการที่มักได้ผลคือ ขอร้องให้เด็กทำโดยให้เขารู้สึกว่าเขาได้ช่วยเหลือพ่อแม่ 2. สั่งในเวลาไม่เหมาะสม เด็กยังไม่มีความพร้อม หรือเขายังมีความสนใจเรื่องอื่นอยู่ เช่น สั่งให้เด็กทำงานบ้านในขณะที่เขากำลังดูโทรทัศน์ แบบนี้สภาพอารมณ์เขาไม่พร้อม หรือเขาไม่สนใจรับคำสั่งนั้นๆ สั่งไปกี่อย่างก็ไม่เข้าไปในหัวเขา ทางแก้ไข คือ จัดตารางเวลาให้ชัดเจน มีเวลาที่เขาเล่น, สนุก แต่ก็มีเวลาที่กำหนดให้เขาช่วยงานชัดเจนเช่นกัน ถ้าต้องการสั่งให้เขาทำอะไรเป็นพิเศษ ลองพิจารณาดูว่าเขามีความพร้อมจะทำมากน้อยแค่ไหน เลือกขอร้องในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะได้ผลกว่า การจัดแบ่งเวลาที่ดี ยังช่วยฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัยได้ง่าย โดยไม่ต้องมาคอยดุกันมากด้วยครับ 3. สั่งด้วยอารมณ์ โดยเฉพาะอารมณ์โกรธ เด็กจะไม่อยากทำหรือทำหูทวนลม ไม่สนใจ หรือหลีกเลี่ยง เพราะไม่อยากฟังเพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องระงับอารมณ์ไม่ดีทั้งหลายเอาไว้ให้ดีนะครับ หรือแยกส่วนกันให้ชัดเจน ถ้าจะสั่งก็เอาไว้เวลาอารมณ์สงบก่อนจะได้ผลดีกว่า 4. สื่อสารไม่ชัดเจน ข้อนี้พ่อแม่ไม่ค่อยรู้ตัว เพราะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูด,บอก,สั่ง,สอนนั้นชัดเจนอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น การสั่งโดยใช้คำถาม ทำไมไม่อาบน้ำ ทำไมไม่อ่านหนังสือ คำถามเช่นนี้กระตุ้นให้เด็กหาเหตุผล (เข้าข้างตัวเอง) ว่า เขาก็มีเหตุผลใดในการไม่ทำเช่นนั้น เปิดโอกาสให้เขาหาทางหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธที่จะทำ การแก้ไข คือ พยายามสื่อสารให้ชัดเจน สั้นๆ ตรงไปตรงมา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็กเข้าใจความต้องการของผู้ใหญ่จริงๆ 5. ไม่เคยฝึกให้ทำ พ่อแม่หลายคนโกรธที่ลูกไม่ยอมช่วยงานบ้าน โดยลืมนึกไปว่าไม่เคยฝึกให้เขาทำเลย แต่คิดว่าเขาน่าจะทำได้ เมื่อไม่ทำหรือทำไม่ถูกใจก็ถูกดุด่าว่ากล่าว เด็กก็ยิ่งไม่อยากทำมากขึ้น การฝึกให้เด็กช่วยเหลืองานส่วนรวม เป็นการสร้างนิสัยให้รับผิดชอบ พ่อแม่ควรฝึกตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ เขาจะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำถ้าเขาสั่งให้ทำตอนโตๆ โดยไม่เคยทำมาก่อน เขาอาจไม่อยากทำด้วยความคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ แล้วก็ทำไม่ได้ทำไม่เป็นด้วย 6. ไม่เคยชมเด็กเมื่อทำดี การชื่นชนเมื่อเด็กมีพฤติกรรมดีจะสร้างแรงจูงใจทางบวก ทำให้เด็กอยากทำดีอีก ผู้ใหญ่บางคนกลัวว่าการชมเด็กจะทำให้เด็กเหลิง ซึ่งไม่เป็นความจริงนะครับ ควรแสดงความชื่นชมด้วยคำพูด ท่าทาง แสดงความรู้สึกที่ดี ยอมรับ บางครั้งเราชมได้แม้ว่าผลงานของเขาไม่ดี แต่ชมที่ความพยายามจะทำให้เด็กดีก็ได้ 7. คำสั่งมากเกินไป เด็กไม่รู้จะเลือกทำอะไรก่อน บางคนสมาธิสั้นเวลาฟังคำสั่งหลายๆ คำสั่งแล้วสับสน จำไม่ได้หมด เลยทำตามเฉพาะเรื่องเขาจะได้แค่ 1-2 เรื่องเท่านั้น แบบนี้ต้องเข้าใจเด็กมากๆ อย่าไปคิดว่าเขาแกล้งลืม ลองทบทวนวิธีการออกคำสั่งดูว่าเด็กรับได้มากแค่ไหน ทางแก้ไขคือ ออกคำสั่งสั้นๆ อย่าให้มากนัก เมื่อเด็กทำเสร็จแล้วค่อยเพิ่มคำสั่งต่อไป 8. ความสัมพันธ์ไม่ดี พื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่จะช่วยให้เด็กอยากทำตามคำสั่งมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้ใหญ่มองเด็กไม่ดี, โกรธเด็ก, ตำหนิดุด่าว่ากล่าว หรือมีปัญหากัน เด็กจะต่อต้านไม่อยากทำตาม ไม่เกรงใจ และหาทางหลีกเลี่ยงงาน 9. ขาดการกำกับให้ทำ เด็กบางคนใช้วิธีหลีกเลี่ยง,หลบหลีก ไม่ทำตามคำสั่งแล้วได้ผล เพราะพ่อแม่ไม่เคยติดตามว่าเด็กทำตามหรือไม่ การกำกับให้เด็กทำตามที่ตกลงกันไว้ จะช่วยให้เด็กมีความรับผิดชอบมากขึ้น คุณแม่ ลองพิจารณาดูให้ละเอียดนะครับ มีปัจจัยข้อใดบ้างที่ยังเป็นปัญหาอยู่ แล้วลองแก้ไขดูตามสาเหตุนั้น น่าจะคลี่คลายปัญหานี้ลงได้ นพ. พนม เกตุมาน
|
คลินิคจิต-ประสาท 563 ถ.สามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม 10300 โทร. 0-2243-2142 0-2668-9435
ส่งเมล์ถึง
panom@psyclin.co.th พร้อมด้วยข้อสงสัยหรือข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บไซท์นี้
|